เฟซบุ๊ก
(Facebook) อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เพราะวัยรุ่นสมัยใหม่เริ่มเบื่อเฟสบุ๊ก
เนื่องจากมีแต่การแชร์ชีวิตประจำวันโอ้อวดคนอื่นมากเกินไป
และขาดความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา แหล่งข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า นาย Blake Ross หัวหน้าฝ่ายสินค้าของเฟซบุ๊กได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัท หลังจากที่ได้ทราบรายงานของ Forbes ว่าเด็กยุคใหม่ในหลาย ๆ ประเทศ เริ่มไม่สนใจเฟซบุ๊กกันแล้ว และเฟซบุ๊กก็อาจจะอยู่ได้อีกไม่นานด้วย
เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา แหล่งข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า นาย Blake Ross หัวหน้าฝ่ายสินค้าของเฟซบุ๊กได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัท หลังจากที่ได้ทราบรายงานของ Forbes ว่าเด็กยุคใหม่ในหลาย ๆ ประเทศ เริ่มไม่สนใจเฟซบุ๊กกันแล้ว และเฟซบุ๊กก็อาจจะอยู่ได้อีกไม่นานด้วย
สำหรับเหตุผลที่วัยรุ่นสมัยใหม่เริ่มไม่สนใจเฟซบุ๊กแล้ว
เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าการแชร์กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของตัวเอง
ตื่นนอนก็แชร์ กินข้าวก็แชร์ ทำงานก็แชร์ ไปเที่ยวก็แชร์ ดูหนังก็แชร์ จะนอนก็แชร์
หรือแม้กระทั่งการถ่ายรูปหน้าตาของตัวเองด้วยกล้องมือถือแล้วแชร์ให้คนอื่นดูเป็นประจำ
ซึ่งเคยเป็นเรื่องที่น่าสนุก
แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มแชร์ชีวิตส่วนตัวมากเกินไป จนดูเหมือนกลายเป็นการโอ้อวด
ซึ่งดูไร้สาระและน่าเบื่อ
ที่จะต้องคอยแชร์เรื่องส่วนตัวให้คนอื่นได้รับรู้อยู่ตลอดเวลา
อีกทั้งเฟซบุ๊กยังเต็มไปด้วยบุคคลคนไม่ใช่เพื่อน มีทั้งพ่อแม่, ญาติผู้ใหญ่, ครูอาจารย์ และบุคคลอื่น ๆ
ที่พวกเขาต้องคอยกังวลอยู่ตลอดเมื่อจะโพสต์หรือแชร์อะไรสักอย่าง
ว่าจะมีผลกระทบต่อชีวิตจริงของพวกเขาไหม หากบุคคลเหล่ามาเห็นเข้า
เพราะไม่ว่าจะกระทำการใด ๆ บนเฟซบุ๊ก ทุกคนก็มีโอกาสเห็นได้เสมอ ถึงแม้ว่าจะพยายามกำหนดค่าความเป็นส่วนตัวแล้วก็ตาม
ทำให้ขาดความเป็นตัวของตัวเองไป เนื่องจากต้องคอยสร้างภาพ
เพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริง
ลักษณะหน้าตาของ Tumblr
ส่วนโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่น ๆ
ที่วัยรุ่นเริ่มนิยมหันไปใช้กันแทนเฟซบุ๊กก็คือ Tumblr ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเฟซบุ๊ก
โดยสามารถสร้างตัวตนได้มากกว่า 1
ตัวตน ซึ่งต่างจากเฟซบุ๊ก
ทำให้สามารถระบายความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้เต็มที่
ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ใหญ่มาเห็น
อีกทั้งยังสามารถค้นหาเพื่อนที่มีความชอบและความสนใจเหมือนกันได้ง่าย
ทำให้ไม่รู้สึกเหงา และนอกจาก Tumblr
แล้ว บริการแชทอย่าง Snapchat ก็มีวัยรุ่นนิยมใช้เช่นกัน
เนื่องเป็นบริการที่มีความเป็นส่วนตัวสูง
เพราะทุกข้อความที่ส่งถึงกันจะถูกลบทันทีเมื่ออีกฝ่ายเปิดอ่าน
ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาเห็นข้อความที่พวกเขาคุยกับเพื่อน ๆ ต่างกับเฟสบุ๊กที่มีการเก็บบันทึกข้อความที่คุยเอาไว้ทั้งหมด
ทั้งนี้ วัยรุ่นสมัยใหม่เริ่มนิยมใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการแชร์ความคิดและความรู้สึกต่าง ๆ มากกว่าที่จะเป็นการแชร์กิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวันแบบสมัยก่อน ซึ่งหากเฟซบุ๊กยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปก็อาจถึงเวลาจุดจบเข้าสักวัน เพราะฉะนั้นหากเฟซบุ๊กต้องการจะมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป ก็คงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบบริการให้เข้ากับความนิยมใหม่ ๆ บ้างแล้วล่ะ
อย่างไรก็ตาม ความนิยมดังกล่าวอาจไม่เหมือนกันในทุกประเทศ ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ที่ยังคงมีผู้ใช้เฟซบุ๊กนิยมแชร์กิจกรรมในชีวิตประจำวันกันเป็นปกติอยู่นั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น